เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๒ มิ.ย. ๒๕๔๖

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๔๖
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดสันติธรรมาราม ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

วันนี้วันพระนะ เวลาบิณฑบาตได้อาหารมากเลย เห็นไหม คนใส่บาตรมาก พวกเราชาวพุทธมันมีพื้นฐานของใจ นี่เจดีย์ พื้นฐานของเจดีย์นี้กว้างมาก แต่ยอดของเจดีย์นี่เล็กมาก เพราะว่ามันเป็นยอดของเจดีย์ แต่พื้นฐานเจดีย์จะกว้างเห็นไหม พื้นฐานของเราชาวพุทธพื้นฐานของทาน ถ้ามีทานขึ้นมา งานสละออกขึ้นมาสั่งสอนขึ้นมาเรื่องของทาน ทาน ศีล ภาวนาไง เห็นไหม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะตรัสรู้ธรรมขึ้นมาได้นี่ เป็นพระโพธิสัตว์ สละทานมาตลอด ทานนี้สละออกไปๆ ยิ่งสละออกขนาดไหนได้มากเข้ามาขนาดนั้น เพราะเป็นเรื่องของเจตนา

เจตนาสละออกไปไม่มีใครรู้หรอก ไอ้คนที่สละออกไปเจตนาตัวนั้นรู้ ตัวที่เป็นเจตนาตัวนั้นน่ะเป็นบุญกุศล ตัวนั้นตัวอยู่กับใจ เห็นไหม อยู่กับใจ ความลับไม่มีในโลก เพราะคนทำคนไหนก็รู้ ใครจะมารู้กับเรา เรารู้ พอรู้ขึ้นมามันสร้างสมบารมีขึ้นมา เป็นทานขึ้นมาจากใจดวงนั้น ทานที่ว่าออกไปนี่มันสร้างสมบารมี สะสมบารมีมาอย่างนั้น แล้วมาประพฤติปฏิบัติมันถึงจะเป็นไป

ถ้าประพฤติปฏิบัติมันไม่เป็นไป เห็นไหม นี่เวลาน้ำขังไว้นี่น้ำเน่า น้ำที่มันจะเป็นประโยชน์ขึ้นมา แม่น้ำไหลเอื่อยๆ ไปตลอดไป ชายฝั่งของฝั่งแม่น้ำนั้นต้นไม้จะเจริญงอกงามมาก จิตใจของหัวใจถ้ามันมีเจตนามันสละออกไป เห็นไหม หัวใจมันไม่ขัง มันไม่ขังความทุกข์ มันไม่ขังความอัดอั้นตันใจไว้ในหัวใจของเรา มันสละออกไป มันไหลออกไป มันไหลเอื่อยๆ ไป แล้วต้นไม้มันเจริญงอกงาม

แต่เราสะสม เห็นไหม เราพยายามสะสมของเราเพื่อจะเป็นของของเรา แม่น้ำตาย แม่น้ำนั้นเสีย แม่น้ำนั้นเน่านะ น้ำนั้นเน่านะ ขอบสระของแม่น้ำนั้นจะไม่เป็นประโยชน์ขึ้นมากับใจดวงนั้นเลย นั้นน่ะทุกข์ยากมาก ผลของทานมันเป็นแบบนี้ แต่เราไม่เข้าใจไง การว่าสละออกไปนี่เป็นการเสียประโยชน์ไปๆ คนมันคิดเป็นขนาดนั้น แต่ไม่คิดถึงเรื่องนามธรรม มันถึงลึกลับมาก

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ฝากธรรมไว้กับใครนะ พระเทวทัตไปขอ เห็นไหม ขอจะปกครองสงฆ์ ท่านก็ไม่ให้ แม้แต่พระสารีบุตร เห็นไหม แม้แต่พระสารีบุตรพระโมคคัลลานะเป็นอัครสาวกเบื้องซ้ายและเบื้องขวาของเรา เรายังไม่ให้ปกครองสงฆ์เลย เราจะฝากธรรมและวินัยนี้เป็นศาสดาของเรา ธรรมและวินัย เห็นไหม

ธรรมะนี้มีอยู่โดยดั้งเดิม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะตรัสรู้ธรรมไม่ตรัสรู้ธรรม สิ่งนั้นมีอยู่ เพียงแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าไปรู้สิ่งนั้น นรก สวรรค์ ธรรม ทุกอย่างมีอยู่พร้อม ผู้ที่เข้าไปรู้นั้นสิ่งนั้นจะเป็นประโยชน์กับตรงนั้น

นี่เป็นสภาวธรรมเป็นความเป็นจริง เราถึงสะสมขึ้นมา ถ้าหัวใจมันเป็นอย่างนั้น มันละเอียดอ่อนขึ้นมา มันจะเข้าหาสิ่งนี้ได้มันต้องมีอำนาจวาสนา มันลึกลับซับซ้อนเข้ามาในหัวใจของเรา เราคิดถึงสิ่งนั้นไม่ได้ เราจะคิดว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ว่าเราหาให้สมประโยชน์กับเราก่อน ให้เรามีความสุขขึ้นมาก่อนแล้วค่อยมาประพฤติปฏิบัติ คนจะคิดอย่างนั้นตลอดไปนะ ว่าสิ่งที่ว่าเราเกิดขึ้นมาแล้ว สิ่งที่อาศัยเป็นวัตถุ เป็นที่พึ่งที่อาศัยของเรา มันคิดได้ขนาดนั้น แต่ความลึกลับของใจ เวลามันทุกข์มันสุขขึ้นมา เราวิ่งหาขนาดนั้น

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกไว้เลย อำนาจเห็นไหม ผู้ที่มีอำนาจมากขนาดไหน นั่นน่ะเข้าไปกอดกองไฟ ผู้ที่มีอำนาจผู้ที่ปกครองยิ่งอยู่กับกองไฟ กองไฟมันเร่าร้อนมาก แต่เราก็ปรารถนาสิ่งนั้นกัน เราปรารถนาจะมีอำนาจ ปรารถนาจะมีความสุขตามความคิดของเรา แต่เราลืมตัวเราเอง เราลืมสิ่งหนึ่งที่ในร่างกายของเราคือความรู้สึกอันนี้ ทุกคนปล่อยความรู้สึกอันนี้ให้มันอยู่ของมันตามประสาของมัน แล้วมันก็มีกิเลสในหัวใจ ความรู้สึกอันนี้มันมีกิเลสครอบคลุมอยู่ สิ่งที่มีกิเลสครอบคลุมอยู่ เราถึงได้มาเกิดไง จิตที่มาเกิดๆ เพราะมียางเหนียว จิตนี้มียางเหนียว

เหมือนเมล็ดผลไม้ที่มันยังมีชีวิตอยู่ มันต้องเป็นไป ถ้าเมล็ดผลไม้ เห็นไหม เมล็ดผลไม้ตายแล้วก็เมล็ดผลไม้เหมือนกัน จิตที่เวลาทำถึงที่สุดแห่งธรรมแล้ว ทำที่สุดแห่งธรรม จิตนี้ก็เหมือนกัน เหมือนกับเมล็ดผลไม้นั้นที่ไม่มีเชื้อ มันก็เป็นเมล็ดผลไม้เหมือนกัน แต่เมล็ดผลไม้มันเน่ามันเสียได้ แต่จิตไม่เน่าไม่เสีย จิตนี้เป็นเรื่องที่ว่าคงที่ตลอดไป แต่คงที่แบบหมุนเวียนไป คงที่แบบไม่ตาย แต่ก็หมุนเวียนไปตามวัฏฏะ เราถึงต้องมาสร้างอำนาจวาสนา สร้างบุญกุศลของเราเพื่อให้มีความสุขในหัวใจ ให้ใจมีที่พึ่งที่อาศัย

ใจมีที่พึ่งที่อาศัยก็สละทานออกไปก่อน นี่สละทานออกไป พอไปทาน เห็นไหม ไปทานที่วัด ได้ฟังธรรม ธรรมคือวิชาการไง ธรรมคือวิชาการคือสุตมยปัญญา การศึกษาเล่าเรียนขึ้นมาแล้วคิดตาม ถ้าคนคิดตามนะ ถ้าเมื่อไรเราฟังธรรมแล้วมันสะดุดใจ ฟังธรรมแล้วมันมีความรู้สึกสะเทือนใจ ขนพองสยองเกล้า ความคิดของเรานั่นน่ะคนมีอำนาจวาสนา เพราะธรรมอันนี้มันสะเทือนกิเลส ถ้าพูดถึงแล้วมันเสียดแทงเข้าไปในหัวใจ เสียดแทงเข้าไปในความรู้สึก นั่นล่ะมันเสียดแทงความรู้สึกให้กิเลสที่มันอยู่ที่ใจ มันจะเริ่มรู้สิ่งนั้น ถ้าจิตมันรับรู้สิ่งนี้ปั๊บ มันเสียดแทงเข้าไปที่ใจมันรับรู้ นี่มันสะเทือนใจขึ้นมา นั่นน่ะคือการฟังธรรม คือวิชาการ

วิชาการฟังธรรมให้มันเคลื่อนไหว ให้มันรู้สึกตัว พอรู้สึกตัวขึ้นมานี่เราอยากจะพ้นออก สิ่งนี้มีอยู่ ความรู้สึกมีอยู่ ความทุกข์ในหัวใจเรามีอยู่ นี่ธรรมมันสะเทือนอย่างนั้น แต่ธรรมอย่างนี้เป็นธรรมเรายืมมา เราจะทำการค้าเราไม่มีต้นทุนเลย เราจะเอาทุนมาจากไหน ถ้าไม่มีทุนเลยเราก็ต้องกู้ยืมมา เราฟังธรรมนี่ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่า “ธรรมและวินัยจะเป็นศาสดาของเรา” ตัวขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว แต่กระแสของธรรมนี่ไว้อีก ๕,๐๐๐ ปี ถ้า ๕,๐๐๐ ปีเราศึกษาขึ้นไป เราศึกษาเราเล่าเรียนขึ้นมา ถ้าเรามีอำนาจวาสนา สาวก สาวกะ ผู้ได้ยินได้ฟังแล้วสะเทือนใจ ถ้าสะเทือนใจก็จะมีการประพฤติปฏิบัติ ถ้าไม่สะเทือนใจนะ มันก็สักแต่ว่าฟัง นี่เทศน์ เห็นไหม

การฟังธรรมนี้เป็นเรื่องของแสนยาก คำว่า “พระอรหันต์” อนาถบิณฑิกเศรษฐีไปหาญาติ ได้ยินญาติบอกว่าพระอรหันต์เกิดขึ้นมาแล้ว สะเทือนใจมาก พระอรหันต์เกิดขึ้นมาแล้วหรือ พระอรหันต์คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระอรหันต์ขึ้นมา อนาถะนอนไม่หลับเลย คืนนั้นทั้งคืนอยากจะพบให้ได้ แต่ก่อนมีแต่การเล่าลือกัน

นี้ก็เหมือนกัน เราได้ยินได้ฟังธรรมและวินัย เห็นไหม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมา ธรรมในหัวใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสะเทือนใจก่อน แล้ววางธรรมมา วางธรรมมาอีกห้าพันปีแล้วเราเป็นสาวกะ ได้ยินได้ฟัง สิ่งที่ได้ยินได้ฟังสะเทือนใจขึ้นมา มันจะมีการประพฤติปฏิบัติ อนาถบิณฑิกเศรษฐีซื้อที่เชตวันถวายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขึ้นมา แล้วได้ฟังธรรมขึ้นมา ปฏิบัติขึ้นมา ได้เป็นพระโสดาบัน อีก ๗ ชาติก็ต้องถึงที่สุด ต้องพ้นจากกิเลสไป กิเลสจะเอาหัวใจดวงนี้ไม่ได้ เอาหัวใจดวงนี้ในอำนาจของพญามารจะควบคุมใจดวงนี้ไม่ได้อีกแล้ว พ้นออกไป จะพ้นออกไปด้วยการประพฤติปฏิบัติ

ธรรมและวินัยถึงเป็นศาสดาของเรา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางไว้ ธรรมและวินัยจึงเป็นศาสดา เห็นไหม เราก็ได้ยินได้ฟังธรรมวินัย ถ้าเราเคารพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเราก็ต้องเคารพธรรมเคารพวินัย ถ้าเคารพธรรมเคารพวินัย เราก็เก็บหอมรอมริบ เก็บหอมรอมริบแบบรั้ว เห็นไหม

รั้วกั้นขึ้นมา บ้านของเรามีรั้วกั้นมันก็ปลอดภัยจากโจรจากขโมย ถ้าเรามีศีลขึ้นมานี่ ใจมันเป็นปกติขึ้นมา มันจะปกติ เห็นไหม ความคิดเป็นมโนกรรม สิ่งที่เป็นมโนกรรม มันเป็นอกุศล ความเป็นอกุศล ถ้ากรรมชั่วเป็นอกุศล ถ้ากรรมดีก็เป็นบุญกุศล สิ่งที่เป็นมโนกรรม กรรมนี่ขยับๆ จากความคิด คิดแต่สิ่งนี้ออกไปแล้วเวลาพระอรหันต์สิ้นจากสิ่งนี้มโนกรรมไม่มี สิ่งนี้ไม่มี ใจมันจะมีความสุขขนาดไหน

แต่ของเรามันมีความเร่าร้อน มันมีความคิดออกไป มันต้องมีทาน เห็นไหม ทานขึ้นมาเพื่อให้ได้ยินได้ฟัง ชักขึ้นมาให้มีศรัทธา ศรัทธาความเชื่อมี ความเชื่อขึ้นมานี่ฟังธรรมๆ ฟังธรรมแล้วมันสะเทือนใจไหม ถ้าไม่สะเทือนใจ เราพยายามใคร่ครวญว่าทำไมกิเลสเราหนา กิเลสเราหนานะ สภาวธรรมนี้เป็นความจริงขึ้นมา อนาถบิณฑิกเศรษฐีได้ยินคำว่าพระอรหันต์ขึ้นมานี่สะเทือนใจมาก

แต่ของเราองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระอรหันต์ขึ้นมา แล้วเป็นพระธาตุขึ้นมา เห็นไหม เวลาพระธาตุเขาเอามาวันนักขัตฤกษ์ทีเราก็ไปกราบไปไหว้กันไป มันไม่สะเทือนใจ นั่นน่ะมันเป็นกระดูก มันเป็นวัตถุ มันเป็นกระดูกของพระอรหันต์ ที่ว่าพระอรหันต์เป็นพระธาตุขึ้นมา

แต่คำสั่งสอนสัจธรรมที่เป็นสิ่งที่มีชีวิต สิ่งที่มีชีวิตคือความเคลื่อนไหวของใจ ใจนี้เคลื่อนไหวไป นี่ความทุกข์ของเราก็เคลื่อนไหวไป มันเกาะเกี่ยวสิ่งใด มันรับรู้สิ่งใด มันยึดสิ่งใด มันยึดสิ่งนั้นเป็นความทุกข์สิ่งนั้น แล้วมันจะปลดเปลื้องได้อย่างไร มันปลดเปลื้องไม่ได้ด้วยสัมมาสมาธิ เห็นไหม เจ้าชายสิทธัตถะไปเรียนกับอาฬารดาบส ทำความสงบของใจได้สมาบัติ ๘ ความสงบของใจ กด! กดกิเลสไว้เหมือนหินทับหญ้า ถ้าหินนั้นเปิดออกไปหญ้านั้นก็เกิดขึ้นมาอีก

หัวใจของเราถ้าไม่ได้ภาวนามยปัญญา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาตรัสรู้ธรรมด้วยภาวนามยปัญญา ปัญญาอันนี้เกิดขึ้นมาจากว่าคืนเดือนเพ็ญ เห็นไหม นั่งขึ้นมา ถ้าคืนนี้เราไม่ตรัสรู้ธรรม เรานั่งอย่างนี้ เราจะตายคานี้ เราจะไม่ลุกจากที่นี่อีกเลย นั่นน่ะปฏิญาณตนขนาดนั้นนะ ได้หญ้ากำมือหนึ่งแล้ววางไว้ แล้วนั่งไป คืนนั้นต้องตรัสรู้ธรรม ถ้าไม่งั้นต้องตายไป แลกมาด้วยชีวิต เห็นไหม คนเราสละตายขึ้นมา แลกขึ้นมากับความรู้สึกความรู้ภายใน สิ่งนี้มันเป็นสิ่งที่ชำระกิเลสของเราขึ้นมา

ปัญญาของเรา เราต้องสร้างสมสิ่งนี้ไง การฟังธรรมๆ การฟังธรรมส่วนหนึ่ง การหาต้นทุนของเราส่วนหนึ่ง ทำความสงบของใจ ความคิดของโลกคิดมากขนาดไหน วิชาการขนาดไหนนั้นเป็นจินตมยปัญญา นักวิทยาศาสตร์นี้เป็นจินตมยปัญญา ไม่เกิดภาวนามยปัญญาเพราะอะไร เพราะมีตัวตน มีความรู้สึกของเรา ถ้าความรู้สึกของเรานะ เขาหาวิชาการสิ่งที่เป็นของใหม่ขึ้นมาได้จะจดลิขสิทธิ์ เห็นว่าเป็นของของเรา

แต่ความเห็น การฆ่ากิเลสนั้นมันเป็นขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นไหม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีอยู่แล้วแต่ก็เป็นสมบัติส่วนตน สมบัติส่วนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นเกิดขึ้นขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสรู้ธรรมขึ้นไป แต่ของเราไม่เกิด แล้วเราสะสมของเราขึ้นมา จะเกิดขึ้นมา ธรรมและวินัยที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางไว้เป็นศาสดาของเรา มันจะเกิดขึ้นมาจากหัวใจ ถ้าธรรมเกิดขึ้นมาจากหัวใจ คือภาวนามยปัญญาเกิดขึ้นมาจากหัวใจ เราสะสมขึ้นมาแล้วมันจะชำระกิเลสของเราไป แล้วมันจบสิ้น

นี่ใจพ้นไปจากกิเลส ทาน ศีล ภาวนา วันพระวันเจ้าทำทานกันมาก นั่นเป็นทานของเราขึ้นมา ทานของเราเราสละเป็นทาน แล้วเราพยายามให้หัวใจของเรามันมีประโยชน์มากขึ้นไปกว่านั้น ปฏิบัติบูชาไง ทานนี้เป็นอามิส สิ่งนี้เป็นอามิส

ปฏิบัติบูชา จิตมันเป็นปัจจัตตัง ปัจจัตตังคือประสบการณ์เฉพาะหน้า ประสบกับความสุข ประสบกับความสงบของใจ ประสบกับปัญญา ปัญญาที่มันเกิดขึ้นเป็นปัจจุบันนั้น ปัญญาที่ว่าถ้าเป็นปัญญาทางโลก มีตำราแล้วเราศึกษามาเป็นตำราของเรา เป็นสัญญาทั้งหมด นี่ศึกษากิเลสมันก็รู้ทัน แล้วมันก็พลิกแพลงให้เราไม่สามารถไม่เป็นปัจจุบันในหัวใจของเรา

คำว่าปัญญาๆ ทำไมไม่บอกว่าปัญญาคืออะไรล่ะ ทำไมว่าปัญญาอย่างเดียวล่ะ ปัญญาอันนี้มันเป็นปัจจุบันที่มันเกิดขึ้นเดี๋ยวนั้น เป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้าเดี๋ยวนั้น แล้วชำระกิเลสเดี๋ยวนั้น มันถึงว่าผู้ที่เห็นมันถึงเห็นเป็นของส่วนตน เห็นเป็นของบุคคล บุคคลนั้นเห็น บุคคลนั้นทำลายกิเลสดวงนั้น แล้วจะชำระกิเลสดวงนั้น นี่ใจพ้นออกไป

สิ่งที่เกิดตาย เกิดตาย จิตนี้ไม่เคยตาย แต่เกิดตายเป็นภพ เป็นวาระ เป็นภวาสวะ ที่เกิดตายเกิดตายนั้นเวียนไปไม่มีที่สิ้นสุด แล้วชำระกิเลสหมดออกไปจากหัวใจ จิตนั้นจะไม่มีการเกิดไม่มีการตาย แล้วมันจะคงที่ถึงที่สุด ความสุขอย่างนี้อยู่ที่ใจของเรา อยู่ที่ความรู้สึกของเรา อยู่กับเรา เห็นไหม เราถึงควรแสวงหามากที่สุดเลย นี่สมบัติในโลกนี้อาศัยชั่วครั้งชั่วคราว แต่สิ่งที่มีคุณค่าที่สุดเรามองข้ามกันหมด ถ้าเราย้อนกลับมาที่นี่ แล้วเราทำของเราได้จะเป็นประโยชน์ของเรา เอวัง